วันจันทร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2555

คำตัน

ความสุขไม่ได้อยู่ที่เงินสำหรับผม ความสุขอยู่ที่เราพอใจ
เมื่อเทียบกับคนรวย ผมยังห่างไกล
แต่ผมเป็นคนพอมี ที่รวยความสุขมหาศาล
สภาพการเงินของครอบครัวผมคือเศรษฐกิจพอเพียง
คำว่าพอเพียงของผม ไม่ได้หมายความว่าต้องกินมังสวิรัติ ใส่เสื้อผ้าเก่า
หรือต้องเดินไปทำงาน
จะกินหูฉลาม เป๋าฮื้อ มื้อละหลายหมื่น ก็พอทำได้
ขอแค่ไม่ใช้เงินไปมากกว่าสิ่งที่เราหามาได้ ไม่ลงทุนมากกว่าที่เราเกินรับไหว
เพราะผมพอเพียงวันนี้ก็เลยพอมี แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่าผมพอใจแล้ว
ถ้าใจเราพอก็ทำให้เรามีความสุข วันนี้ผมจึงเป็นคนที่ร่ำรวยความสุข จนอิ่มแปล้ที่ใจ
ต่างจากคนรวยที่ไม่รู้จักพอ จึงกลายเป็นคนจนความสุข
ที่สุดของความสุขไม่ใช่เงิน แต่คือความพอใจ
เมื่อไหร่ที่รู้สึกพอ ความสุขก็เกิด ถ้าไม่รู้จักพอ ก็ทุกข์

ที่มา
: คำตัน แพ้เป็นทางผ่านของชัยชนะ   โดย คุณตัน อิชิตัน

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

เข็มทิศชีวิต 5 มั่งคั่ง

สำคัญที่สุด
ลองถามตัวเองว่า
ใครหรือการกระทำอะไรสำคัญกับชีวิตเรามากที่สุด
อะไรที่ทำให้เรารู้สึกเคารพตัวเองมากที่สุด
ใครหรืออะไรทำให้เรารู้สึกมีความสนุขมากที่สุด
ใครหรืออะไรทำให้ชีวิตเรารู้สึกมีความหมายมากที่สุด
ใครหรืออะไรที่ทำให้เรารู้สึกเป็นที่รักมากที่สุด
ใครหรืออะไรที่เรารู้สึกขอบคุณมากที่สุด
ใครหรืออะไรที่ทำให้เรารู้สึกอิ่มเต็ม ชื่นใจมากที่สุด
อะไรคือสิ่งสำคัญ
7
อย่างในชีวิต ที่หากขาดไปชีวิตจะไม่สมบูรณ์
ขาดความเคารพตนเอง
ระหว่างตอบคำถามเหล่านี้
คุณจะพบว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคุณ
7
อย่าง อาจเป็น
ปัญญาความรู้แจ้ง ความรักของครอบครัว ความสุข สงบ สมดุล
สุขภาพกายใจที่แข็งแรง มิตรภาพ การแบ่งปันช่วยเหลือ
ความมั่นคง หลายอย่างไม่เกี่ยวกับเงิน
และคุณมีสิ่งดี ๆ นั้นอยู่ในชีวิตอยู่แล้ว
การตระหนักรู้ถึงสิ่งดีงามที่สำคัญที่เรามีอยู่แล้วในชีวิต
ทำให้เรามีสายตาที่จะดูแลเขา มีหัวใจที่ชื่นชม
เพราะเขาอยู่ในชีวิตของเราแล้วตอนนี้เลย และการที่คุณมองเห็น
ชื่นชม และขอบคุณ สิ่งนั้นจะยิ่งเติบโตในชีวิตของเรา
ที่มา : เข็มทิศชีวิต 5 มั่งคั่ง ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง

วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เรื่องราวบันดาลใจ เปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่มีความสุขในทุก ๆ วัน

ความเชื่อ เชื่อว่าทำได้
ศรัทธา ศรัทธาในความฝัน และศรัทธาในความสามารถของตัวเอง
มุ่งมั่น
มุ่งมั่นที่จะทำให้ฝันเป็นจริง
และสุดท้ายคือ ลงมือทำ หากคิดแล้วไม่ทำ คุณจะไม่มีทางถึงฝั่งฝันแน่นอน
            การเดินทางตามหาความฝันก็ไม่ต่างอะไรกับการเดินทางไปทำงาน เดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด ก่อนเดินทางต้องวางแผนก่อนว่าจะใช้สันทางไหน หยุดพักที่ไหน ใช้เวลาเดินทางกี่ชั่วโมง กี่วัน ก่อนคุณจะออกเดินทางตามหาฝัน คุณต้องวางแผนก่อนเช่นกัน พรุ่งนี้จะทำอะไรเดือนนี้จะทำอะไร ใช้วิธีไหนที่จะทำให้ฝันเป็นจริงได้ เพราะหนทางสู่ความฝันอาจมีความวกวน ซับซ้อน วิธีนี้จะช่วยให้คุณไม่หลงทาง มองเห็นเป้าหมายที่ชัดเจน
            เพราะถนนไม่ได้โรยด้วยยางมะตอยหรือคอนกรีตอย่างดี จึงทำให้ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อเต็มไปด้วยกรวดและเศษหินทิ่มแทงทำให้คุณเจ็บปวด
            มีหลายคนที่ทำให้ฝันพังครืนลงกลางครัน เพราะเจอปัญหาและอุปสรรคมาขัดขวาง เพียงแค่นี้ก็ยอมแพ้แล้วเหรอ แล้วอเล็กซานดรา เดวิด
-นีล เธอทำความฝันของเธอให้เป็นจริงตั้ง 30
ปี ได้อย่างไร อดทนและพยายามมากขึ้นเป็นสองเท่า แล้วคุณจะเห็นว่าไอ้ที่ยอมแพ้มา มันเป็นปัญหาเพียงขี้ปะติ๋วเอง อย่าให้คนอื่นรู้ว่า คุณยอมแพ้เพราะสะดุดความฝันของตัวเอง
            โลกนี้มีฝันมากมาย แต่สุดท้ายจะเป็นจริงได้อยู่ที่
ทำหรือไม่ทำ

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เพ่งพินิจเรื่องชีวิต

เมื่อใดเราหยุดโลดแล่นไขว่คว้า
คนปัจจุบันขาดความสุขที่พึงมีตามควร
เพราะไม่รู้จักชื่นชมยินดีในสภาพที่เป็นอยู่
ไม่รับรู้คุณค่าของสิ่งที่อยู่ในมือ
มักมองเห็นของที่ยังไม่ได้น่าปรารถนา
ดิ้นรนขวนขวายด้วยความอยากได้
แต่พอได้กรรมสิทธิ์แล้วกลับละเลย
มุ่งมองเขม้นหมายไขว่คว้าสิ่งอื่นต่อไป

สิ่งซึ่งเป็นอดีตนั้นผ่านไปแล้ว
อนาคตก็ยังไม่มาถึง
และเมื่อมันมาถึง ก็ไม่ใช่อนาคต
แต่เป็นขณะปัจจุบันนั่นเอง
ชีวิตอันแท้จริงของเรานั้นอยู่ในปัจจุบัน
ดังนั้นการไม่ยอมรับรู้คุณค่าของสภาพปัจจุบัน
ก็คือการไม่ยอมรับชีวิต
แล้วมัวแต่วิ่งไล่ตามอนาคต
ที่เป็นเพียงภาพลวงตา

หากเราเกิดมา
เพียงเพื่อไล่ตามไขว่คว้าความฝัน
ไม่เคยได้ลิ้มรสความอิ่มความพอ
ทั้งวิ่งไล่และวิ่งแข่งขันตลอดเวลา
ชีวิตก็ไร้คุณค่าและความหมาย
เป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้นเอง

เมื่อใดเราหยุดโลดแล่นไขว่คว้า
แสวงหาสิ่งวิเศษหรือพิเศษกว่าที่มีอยู่
เพียงเพื่อเชิดหน้าชูตาโอ้อวดกัน
แล้วกลับเพ่งพินิจสิ่งที่มีอยู่แล้ว
รับรู้คุณค่าและประโยชน์ที่มันมีต่อชีวิต
และรู้จักหาความสุขจากขณะปัจจุบัน
ไม่ทะเยอทะยานเฝ้าฝันถึงอนาคต
ที่เป็นเพียงความเพ้อฝัน
ชีวิตก็จะเผยโฉมหน้าอันงดงาม
เปี่ยมเปรมด้วยคุณค่าและความหมายให้เราเห็น

โลกปัจจุบัน
สับสน วุ่นวาย เต็มไปด้วยทุกข์ร้อน
เพราะผู้คนไม่รู้จักพึงพอใจ
ในสิ่งที่ตนมีอยู่
ในสภาพที่ตนเป็นอยู่
มุ่งแต่มองเปรียบเทียบ
ด้วยจิตใจอิจฉาริษยา
แล้วก็แก่งแย่ง แข่งดี ชิงเด่น
ถึงขั้นเบียดเบียนทำลายล้างกัน

อนาคตนั้นไม่น่าจะต้องห่วง
ถ้ารู้จักอยู่อย่างดีงามในขณะปัจจุบัน
โดยฝึกฝนที่จะควบคุมตนเองได้
ทั้งในด้านความรู้สึกนึกคิดและการกระทำ
ถ้าหากว่าในปัจจุบันอยู่อย่างผู้ชนะตนเองได้
ไม่แล่นโลดไปตามความอยาก
อนาคตจะดีเอง
ที่มา
: เพ่งพินิจเรื่องชีวิต เขียนโดย ระวี ภาวิไล

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

คุณค่าชีวิต

ผู้ที่ได้ดี มีความสำเร็จในชีวิต ล้วนแต่รู้จักคิดและปฏิบัติอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะในเรื่องหน้าที่การงาน ทั้งนี้เพราะชีวิตกับงานเป็นของคู่กัน แม้แต่สัตว์แมลงเช่นผึ้ง ก็ทำงานเที่ยวหาน้ำหวานสะสมไว้ คนที่เกียจคร้านไม่ทำงานจะอดอยาก ดังนั้น หัดขยันทำงานให้เคยชิน และเรียนรู้จักทำงานอย่างสนุก อย่าทำงานด้วยความจำใจ เมื่อคนเราทำงานสำเร็จจะมีความสุขใจ ที่เป็นผลจากความสามารถของตนเองอย่างแท้จริง
           
เมื่อเยาว์วัย หน้าที่คือการเรียน เพื่อสร้างสรรค์สติปัญญาและหาความรู้ เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ ใช้วิชาทำมาหากิน มีหน้าที่ทำนุบำรุงครอบครัวและบ้านเมือง การทำหน้าที่ตามวัยอันเหมาะสมเป็นการทำงานที่ถูกต้อง และเมื่อทำหน้าที่การงานด้วยความรัก ก็จะมีชีวิตจิตใจสุขสมบูรณ์            การละทิ้งหน้าที่งานไปเที่ยวสนุก แม้จะมีความสุขชั่วครู่ยาม แต่ความไม่สบายใจจะตามมา ไม่เชื่อคอยตรวจดูจะรู้เอง งานที่ควรทำให้เสร็จได้ ถ้าละเลยเคยตัว สะสมเหมือนดินพอกหางหมู เท่ากับพอกพูนความไม่สบายใจไว้ จิตใจไม่สุข ไม่ผ่องใส เพราะทิ้งงาน ดังนั้นไม่ควรปล่อยไว้ให้งานค้าง มีมากน้อยเท่าใด ทำให้เสร็จ แล้วก็จะเที่ยวสนุกได้ไม่กังวลและนับว่าฝึกฝนตนเองถูกทางด้วย
            คนที่นับว่ามีโชคดีในชีวิต คือผู้ที่สามารถทำงานอย่างสนุกแล้วยังมีความสำเร็จอย่างดีด้วย ส่วนผู้ที่ทำงานด้วยความจำใจนั้น ไม่ว่าจะได้รับผลตอบแทนอย่างใด ก็นับว่าอาภัพอับโชค เพราะทำตัวเองเป็นทาสทางจิตใจ เราจึงควรฝึกตนให้รู้จักรักงาน
ที่มา : คุณค่าชีวิต เขียนโดย ระวี ภาวิไล

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2555

เริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มที่ใจของเรา

พอใจในสิ่งที่มีและเป็น
            ความทุกข์ของผู้คนสมัยนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้น
เพราะไปมองคนอื่นมากเกินไป เราจึงไม่เคยพอใจกับสิ่งที่มีหรือเป็นเสียที
แม้ว่าจะสวยหรือหุ่นดีเพียงใด ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองขี้เหร่ ผมไม่สวย ผิวคล้ำไป
แถมวงแขนก็ไม่ขาวนวลเหมือนดารา
แต่เมื่อใดที่เราหันมาพอใจกับสิ่งที่ตนมี
มองเห็นแง่ดีของสิ่งที่มีอยู่และเป็นอยู่
ความสุขจะเพิ่มพูนขึ้นมามากมายทันที
จิตใจจะเบาขึ้น และชีวิตจะหายเหนื่อย

เพราะไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้อง
วิ่งไล่ล่าหาซื้อสิ่งของต่าง ๆ มากมาย
เพียงเพื่อจะได้มีเหมือนคนอื่นเขา
พอใจในสิ่งที่เรามี ภูมิใจในสิ่งที่เราเป็น
เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีอยู่กับตัว
นี้คือเคล็ดลับสู่ชีวิตที่เบาสบายและสงบเย็น

                                                        รินใจ
ที่มา
: เริ่มต้นชีวิตใหม่ เริ่มที่ใจของเรา

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

เข็มทิศจิตใต้สำนึก

มีชีวิตอย่างมีวัตถุประสงค์
รู้ว่าเราเกิดมาเพื่อทำอะไร
จะทิ้งสิ่งดี ๆ อะไรไว้ในโลกนี้
คนแต่ละคนมีสิ่งที่ดีที่สุดอยู่ในตัวเอง
เกิดมาเพื่อพัฒนาสิ่งดี ๆ ในตัวเองนี้ ดึงมันออกมาใช้
ทำประโยชน์ให้โลก ทำประโยชน์ให้ตัวเอง
มีชีวิตอย่างมีคุณค่า มีความหมาย
แล้วโลกก็ตอบแทนเป็นความสุข ความรัก ความสำเร็จ
ความรู้สึกพึงพอใจในชีวิต ที่เรารู้สึกอยากตื่นขึ้นมา
แต่เช้าทุกวัน มีพลัง จดจ่อกับสิ่งที่กำลังทำ
ให้เวลากับสิ่งพิเศษในตัวเอง ให้หัวใจเรามีรอยยิ้ม
มีความสุขกับการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ไว้ในโลกนี้
เพราะเราเองที่ได้รับประโยชน์ รับความสุขทันที
สร้างแต่ละวันให้เป็นวันที่ยอดเยี่ยม มีความสุข
มีพลัง อิ่มใจ สงบเย็นทุกวัน
ชีวิตเป็นของเรา เลือกชีวิตอย่างรู้ตัว
เลือกสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์มาใช้
ให้เราเป็นเราที่ดีที่สุด ยิ่งกว่าที่เราเคยคิดว่า
เราสามารถเป็น ทำให้ตัวเองประหลาดใจกับสิ่งดี ๆ
ยิ่งใหญ่ที่เรามอบให้โลกนี้ได้
เป็นเราที่ดีที่สุดที่เราเป็น
จำให้ได้ว่าเราเป็นใคร
ที่มา: "เข็มทิศจิตใต้สำนึก " เขียนโดยคุณ ฐิตินาถ ณ พัทลุง

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

เติมสุขให้เต็มชีวิต

กำหนดเป้าหมายในชีวิต           
          
บางคนใช้เวลาในชีวิตปล่อยตัวทำงานไปเรื่อย ๆ ราวกับจะให้เวลาผ่านไปวัน ๆ เพียงเพื่อรอความตายมาถึงในวันหนึ่งเท่านั้น แต่คุณต้องเข้าใจว่า ชีวิตของคนเรานั้นล้ำค่า และไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อการแสวงหาที่ไร้ประโยชน์และปราศจากเป้าหมาย เราไม่ได้เกิดมาเพียงเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ แต่ต้องบรรลุจุดหมายบางอย่างให้ได้

            การใช้ชีวิตแบบไร้จุดหมาย เปรียบได้กับการเลี้ยงฟุตบอลในสนามโดยไม่คิดที่จะยิงเข้าประตูของฝ่ายตรงข้าม คุณจึงต้องกำหนดเป้าหมายในการทำงานและชีวิตส่วนตัว ทั้งระยะสั้นและระยะยาวแล้วทำตามเป้าหมายนั้นอย่างเป็นระบบทีละขั้นตอน ในที่สุดเป้าหมายเหล่านั้นก็จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำไปสู่จุดหมายสูงสุดของชีวิตซึ่งก็คือการรู้จักตนเอง
            ไม่ว่าคุณจะคิด พูด หรือทำอะไร คุณจะต้องมีเป้าหมายเสมอ จิตใจที่ไร้ทิศทางมักจะตกอยู่ใต้อิทธิพลของอำนาจฝ่ายต่ำ และกลายเป็นเหยื่อของความชั่วร้ายและสัญชาติญาณต่ำไปในที่สุด
หนังสือเล่มนี้ดีมาก ๆ ค่ะ ลองๆหามาอ่านดูนะคะ
^________^
ที่มา : เติมสุขให้เต็มชีวิต

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

เข็มทิศชีวิต 3 ตอน กฎแห่งความสุข

คนชอบนินทา
            คนชอบนินทาคนอื่นเพราะมีความทุกข์ในชีวิตมาก มีบางอย่างที่ไม่ได้สะสางในชีวิตตัวเอง เลยพูดเรื่องคนอื่นเพื่อจะได้ลืมความทุกข์ของตัวเองสักครู่ และการเหยียบย่ำคนอื่นลงทำให้รู้สึกตัวเองสูงกว่า แต่ที่จริงเป็นการสร้างความคิด การกระทำ คำพูดด้านลบ สร้างสนามพลังที่ไม่ดีในชีวิต กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดสิ่งแย่ ๆ เข้ามาในชีวิต ยิ่งทำให้ชีวิตแย่ลง ทำให้สิ่งดีงามและโชคดีไม่สามารถเข้ามาในชีวิตได้ ไม่ตรงตามเป้าหมายที่อยากมีชีวิตที่ดี
           
อย่าทำ
ที่มา
: เข็มทิศชีวิต 3 ตอน กฎแห่งความสุข

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เข็มทิศชีวิต 2 ตอน กฎแห่งเข็มทิศ

วงจร 
           ถ้าเข้าใจผิดคิดว่าเงินเป็นเป้าหมาย ยอมให้การหาเงินและความสำเร็จทำลายความรัก ความอบอุ่น เวลาของครอบครัว ความนับถือตัวเอง มิตรภาพ และความรักเพื่อนมนุษย์ ใจจะแห้งแล้งหดหู่ ไม่สามารถมีความสุขได้จากสิ่งดีงามรอบตัว ต้องแสวงหาความสุขที่ต้องใช้เงินซื้อ ใจจะหมดความสามารถมีความสุขที่ประณีต
            เงินกลายเป็นแหล่งเดียวที่ให้ใจมีความสุข มีเงินแล้วก็ต้องหาเงินมากขึ้นเพราะกลัวเงินหมด เงินหมดจริง ๆ ก็ต้องทุกข์เดือดร้อนกว่าคนอื่นหลายเท่า เพราะไม่มีต้นทางความสุขทางอื่น มีความทุกข์เดือนร้อนครบวงจรตั้งแต่ตอนอยากมีเงิน หาเงิน ใช้เงิน กลัวเงินหมด ตกเป็นทาสของเงิน ถูกเงินครอบงำ
            ทั้ง ๆ ที่หากเราตายลงวันนี้  โลกก็ยังหมุนต่อไปด้วยดี งานของเรามีคนมาแทนภายในเวลาอันรวดเร็ว แต่ไม่ใครแทนที่เราได้ในความรู้สึกของพ่อแม่ ลูก คนรัก ครอบครัว และเพื่อนของเรา
ที่มา
: เข็มทิศชีวิต 2 ตอน  กฎแห่งเข็มทิศ

เดอะพาวเวอร์

ความรู้สึกที่ดีและแย่
            ก็เหมือนกับเรื่องอื่น ๆ ในชีวิต ความรู้สึกของคุณเป็นได้ทั้งบวกและลบคุณรู้สึกดีบ้างสลับกันไป ความรู้สึกดี ๆ ทั้งหมดเกิดจากความรัก และความรู้สึกแย่ ๆ ทั้งหมดก็เกิดจากการขาดความรัก ยิ่งคุณรู้สึกดีขึ้นอย่างเช่นในยามที่คุณรู้สึกสนุกรื่นเริง คุณก็ยิ่งให้ความรักมากขึ้นอีกและยิ่งคุณให้ ความรักมากเท่าไหร่ คุณก็จะได้รับ กลับมามากขึ้นเท่านั้น   
            ยิ่งคุณรู้สึกแย่ลง อย่างเช่นในยามที่ท้อแท้ คุณก็ยิ่งให้สิ่งที่เป็นลบออกไป และยิ่งให้สิ่งที่เป็นลบ คุณก็ยิ่งได้รับสิ่งที่เป็นลบกลับคืนมาในชีวิต สาเหตุที่คุณรู้สึกแย่มาก ๆ กับความรู้สึกที่ติดลบก็เพราะว่า ความรัก คือ พลังบวกของชีวิต และความรู้สึกที่ติดลบแทบไม่มีความรักอยู่ในนั้นเลย
            ยิ่งคุณรู้สึกดี ชีวิตคุณก็ยิ่งดีขึ้น
            คุณยิ่งรู้สึกแย่ ชีวิตคุณก็มีแต่แย่ลง จนกว่าคุณจะปรับเปลี่ยนความรู้สึกของตัวเองได้
ที่มา : เดอะพาวเวอร์

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

HAPPINESS NOW สุขกันเถอะเรา

ความสงบสุขในจิตใจ
หากคุณถามเพื่อนบ้านว่า
อะไรที่จะทำให้จิตใจคุณสงบสุขได้ เขาอาจบอกคุณว่า
การได้ไปเที่ยวพักผ่อนที่เบอร์มิวด้าไงล่ะ หรือ มีเงินเพิ่มสัก 1แสนเหรียญจะทำให้ฉันเกิดความสงบสุขในจิตใจได้ หรือ
รถเฟอร์รารีคันใหม่จะทำให้ผมพอใจได้
แต่การไปยังสถานที่ต่าง ๆ และการได้สิ่งของต่าง ๆ ก็มักจะเป็นทางออกชั่วคราวครับ
สมมติว่าคุณซื้อลอตตารี่ก็เกิดถูกรางวัล ซื้อรถเฟอร์รารีในฝันของคุณได้อย่างอัศจรรย์ใจวันนี้คุณจะรู้สึกพอใจมาก แต่วันถัดมาคุณก็กล่าวว่า อยากจับเจ้าเด็กพั้งค์ตัวแสบสองคนที่มาขูดรถของฉันที่ลานจอดรถให้ได้จริงๆ
ความสงบสุขในจิตใจ แทบจะไม่ได้มาจากการได้บรรดาสิ่งของทั้งหลายเพิ่มเติมเลยเลยครับ
การได้ทรัพย์สมบัติเพิ่มขึ้นมักจะนำไปสู่การอยากได้มากเพิ่มขึ้นไปอีก
ความสงบสุขในจิตใจเริ่มด้วยการรู้สึกปลาบปลื้มเห็นคุณค่า และขอบคุณต่อสิ่งที่คุณมีอยู่ในขณะนี้ความรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณคือพลัง ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้ครับ
เมื่อรู้สึกเห็นคุณค่าและขอบคุณต่อสิ่งที่มีคุณมี ไม่ว่าเพื่อนฝูงและสมบัติต่าง ๆ  ที่คุณมีอยู่ คุณจะดึงดูดคนดี ๆ และสิ่งดี ๆ เข้ามาหามากขึ้น
ผู้คนที่บ่นถึงสิ่งที่พวกเขาไม่มีอยู่ตลอดเวลา ก็จะจมปลักอยู่กับที่ครับ
คนที่ชอบบ่นจะดึงดูดสิ่งที่ต้องให้บ่นถึงเพิ่มมากขึ้น
มันคือกฎแห่งชีวิตซึ่งยากจะอธิบายได้ แต่คุณสามารถสังเกตเห็นได้รอบ ๆ ตัวคุณ เรามักได้ในที่สิ่งที่พูดถึงบ่อย ๆ เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่บรรดาผู้รู้ด้านจิตวิญญาณทุกคนจะสอนบทเรียนเดียวกันว่า
จงเริ่มต้นด้วยการรู้สึกซาบซึ้งของคุณ จงมีความสุขกับสิ่งที่ท่านมีอยู่ในขณะนี้ แล้วสิ่งดี ๆ ทั้งหลายจะเข้ามาหาท่านมากขึ้นเอง มันคือคำแนะนำที่นำไปใช้ได้จริงครับ
พูดง่าย ๆ ก็คือ
            ทุกครั้งที่คุณกล่าว ขอบคุณเงียบ ๆ ในใจ คุณจะรู้สึกสงบสุขในจิตใจเพิ่มขึ้น และมีพลังมากขึ้นด้วย

ที่มา : หนังสือ HAPPINESS NOW สุขกันเถอะเรา

วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

เข็มทิศชีวิต

หนังสือเข็มทิศชีวิต ราคาเล่มละ 99 บาท อ่านแล้วเกินคุ้ม เพราะเนื้อหา เรื่องราวที่ได้อ่านมีประโยชน์ เรื่องราวของคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง (คุณอ้อย) อ่านแล้วขอนับถือในความเก่งของเธอ เธอได้เล่าถึงประสบการณ์ชีวิตอันลำเค็ญ ขณะที่ยังเป็นแม่ที่ลูกชายอายุยังไม่ถึงขวบ และกำลังเปิดบริษัทใหม่ได้ไม่ถึงเดือน สามีเสียชีวิตในวันขึ้นปีใหม่ ทิ้งหนี้สินหลายร้อยล้านบาทให้เธอแบกรับ ในวันขึ้นปีใหม่ ขณะที่ใครต่อใครสนุกสนานรื่นเริง แต่เธอต้องจัดงานศพให้สามีและต้องรับหน้าเจ้าหนี้จากธนาคารต่างๆ ที่มาทวงเงินกลางงาน ความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงที่มาพร้อมกับภาระอันหนักอึ้ง ทำให้เธอแทบสิ้นหวังกับชีวิต แต่สุดท้ายเธอก็สามารถใช้หนี้ได้หมด ปัจจุบันคุณอ้อยฐิตินาถ ณ พัทลุง ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับลูกชาย ลองหาอ่านดูนะคะว่าคุณอ้อยมีวิธีการอย่างไรที่ทำให้เธอผ่านพ้นวิกฤตของชีวิตช่วงนั้นมาได้

วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วิถี (ไม่) ตัน ฉบับตัน ภาสกรนที

อ่านแล้วทำให้ได้แนวคิด วิธีคิดที่คุณตันแบ่งปันประสบการณ์ ซึ่งมีประโยชน์ต่อผู้ได้อ่าน ถึงแม้จะไม่ใช่นักธุรกิจ แต่อ่านแล้วก็ได้ประโยชน์ มาปรับใช้กับชีวิตประจำวัน ชีวิตการทำงาน การดำเนินชีวิต เช่นกัน คุณตันมีความคิดที่เฉียบแหลม และแง่มุมที่มองด้วยสายตาที่ลึก การมองที่แตกต่าง อ่านแล้ว เออ ใช่ คือการนำเอาเหตุการณ์การใช้ชีวิตปกติของคุณตัน แต่สามารถมองและคิดแล้วมาปรับใช้กับธุรกิจของคุณตันเอง แล้วถ่ายทอดประสบการณ์ให้คนอ่านได้รับรู้ ช่างเป็นผู้ชายเก่ง และใจดี อ่านแล้วสนุก ชอบค่ะ….มาดูบางช่วงบางตอนของหนังสือเล่มนี้นะคะ
ความสำเร็จไม่ได้หล่น มาจากฟ้า แต่มีลำดับขั้นตอนที่ต้องอาศัย ความตั้งใจ มุ่งมั่น ทุ่มเท และอดทน
การอ่านหนังสือเหมือนการขุดคลองให้กว้างขึ้น ในยามสถานการณ์คับขัน คลังสมอง ของเราจะเปิดลิ้นชักหยิบวิธีแก้ปัญหาจากทุนความรู้รอบตัว ที่เราสั่งสมไว้ เป็นไปโดยอัตโนมัติ
หากเราต้องการอะไร ต้องให้สิ่งเดียวกันนั้นกับคนรอบข้าง ใช้ ใจแลกใจ ให้โดยไม่หวังการตอบแทน ฝึกบ่อย ๆ จนกระทั่งกลายเป็นนิสัย ทำมาจากใจ      ขอขอบคุณหนังสือ วิถี(ไม่)ตัน ฉบับตัน ภาสกรนที  .^________^.

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2555

นิตยสาร Secret อ่านคลายทุกข์ สร้างสุข


           ชีวิตที่เกิดมาไม่ได้มีความสุขตลอดเวลา มันมักจะมีเรื่องราวที่ทำให้เรามีความทุกข์เข้า
มาปะปนในชีวิตเสมอ เวลาเรามีความสุขก็เป็นเรื่องน่ายินดี    ทุกอย่างดูดีไปหมดทั้งตัวเรา   และคนรอบข้าง   หัวใจพองโต ยิ้มแป้น มีกำลังใจต่อสู้ต่อไป แต่เวลาที่เราทุกข์ ดูความรู้สึกมันจะตรงกันข้ามกันหมดเลย หัวใจหดหู่ ดูมันเศร้าไปหมด ชีวิตไม่มีเรี่ยวแรงที่จะทำอะไร ไม่อยากคุย ไม่อยากพบหน้าผู้คน เลือกที่จะจมอยู่กับความทุกข์    มันก็เลยทำให้ความทุกข์ยังคงสิงอยู่ที่ตัวเรา ไม่ออกไปซักที อิอิ...
            ในบทความนี้ก็เลยอยากแนะนำนิตยสารดี ๆ   ที่อ่านแล้วช่วยคลายทุกข์ สร้างสุข ได้ในระดับหนึ่งเป็นนิตยสารที่แทรกด้วยธรรมะ     ได้ข้อคิดในการใช้ชีวิต ทำให้ปรับเปลี่ยนความคิด  จากที่คิดมีอคติก็พยายามมองให้เป็นเรื่องดี มองโลกในแง่ดี  พยายามเข้าใจธรรมชาติ  รวม ๆ ก็คือทำให้เรา คิดดี  พูดดี   ทำดี  แต่ที่ว่ามาดังกล่าวมันไม่ได้เปลี่ยนแปลงได้ทันทีทันใด  มันต้องอาศัยเวลา ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนทีละนิด ทีละหน่อย   ฝึกบริหารจัดการล้างใจเราเป็นประจำ ใจเราก็จะดีเอง ขอสรุปว่า ต้องใช้ชีวิตแบบมีสติ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ใจของเราเอง  "เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน"   ลองหาอ่านดูนะคะ .
^_______^.