วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เพ่งพินิจเรื่องชีวิต

เมื่อใดเราหยุดโลดแล่นไขว่คว้า
คนปัจจุบันขาดความสุขที่พึงมีตามควร
เพราะไม่รู้จักชื่นชมยินดีในสภาพที่เป็นอยู่
ไม่รับรู้คุณค่าของสิ่งที่อยู่ในมือ
มักมองเห็นของที่ยังไม่ได้น่าปรารถนา
ดิ้นรนขวนขวายด้วยความอยากได้
แต่พอได้กรรมสิทธิ์แล้วกลับละเลย
มุ่งมองเขม้นหมายไขว่คว้าสิ่งอื่นต่อไป

สิ่งซึ่งเป็นอดีตนั้นผ่านไปแล้ว
อนาคตก็ยังไม่มาถึง
และเมื่อมันมาถึง ก็ไม่ใช่อนาคต
แต่เป็นขณะปัจจุบันนั่นเอง
ชีวิตอันแท้จริงของเรานั้นอยู่ในปัจจุบัน
ดังนั้นการไม่ยอมรับรู้คุณค่าของสภาพปัจจุบัน
ก็คือการไม่ยอมรับชีวิต
แล้วมัวแต่วิ่งไล่ตามอนาคต
ที่เป็นเพียงภาพลวงตา

หากเราเกิดมา
เพียงเพื่อไล่ตามไขว่คว้าความฝัน
ไม่เคยได้ลิ้มรสความอิ่มความพอ
ทั้งวิ่งไล่และวิ่งแข่งขันตลอดเวลา
ชีวิตก็ไร้คุณค่าและความหมาย
เป็นเพียงฝันร้ายเท่านั้นเอง

เมื่อใดเราหยุดโลดแล่นไขว่คว้า
แสวงหาสิ่งวิเศษหรือพิเศษกว่าที่มีอยู่
เพียงเพื่อเชิดหน้าชูตาโอ้อวดกัน
แล้วกลับเพ่งพินิจสิ่งที่มีอยู่แล้ว
รับรู้คุณค่าและประโยชน์ที่มันมีต่อชีวิต
และรู้จักหาความสุขจากขณะปัจจุบัน
ไม่ทะเยอทะยานเฝ้าฝันถึงอนาคต
ที่เป็นเพียงความเพ้อฝัน
ชีวิตก็จะเผยโฉมหน้าอันงดงาม
เปี่ยมเปรมด้วยคุณค่าและความหมายให้เราเห็น

โลกปัจจุบัน
สับสน วุ่นวาย เต็มไปด้วยทุกข์ร้อน
เพราะผู้คนไม่รู้จักพึงพอใจ
ในสิ่งที่ตนมีอยู่
ในสภาพที่ตนเป็นอยู่
มุ่งแต่มองเปรียบเทียบ
ด้วยจิตใจอิจฉาริษยา
แล้วก็แก่งแย่ง แข่งดี ชิงเด่น
ถึงขั้นเบียดเบียนทำลายล้างกัน

อนาคตนั้นไม่น่าจะต้องห่วง
ถ้ารู้จักอยู่อย่างดีงามในขณะปัจจุบัน
โดยฝึกฝนที่จะควบคุมตนเองได้
ทั้งในด้านความรู้สึกนึกคิดและการกระทำ
ถ้าหากว่าในปัจจุบันอยู่อย่างผู้ชนะตนเองได้
ไม่แล่นโลดไปตามความอยาก
อนาคตจะดีเอง
ที่มา
: เพ่งพินิจเรื่องชีวิต เขียนโดย ระวี ภาวิไล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น